Home ข้อคิดสอนใจ 7 ความคิด ถ้าอยากรวย “อย่าทำ”

7 ความคิด ถ้าอยากรวย “อย่าทำ”

27 second read
0
142

หนึ่งสิ่งที่ต่างกันมาก ๆ ระหว่าง คนรวยและคนธรรมดา คือ “ความคิดที่อยู่ในหัว”

หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักคุณ R o b e r t  K i y o s a k i ผู้เขียนในหนังสือการเงินชื่อดังอย่าง R i c h  D a d  P o o r  D a d เขาบอกว่าพ่อที่แท้จริงของเขานั้นมีความคิดแบบ “พ่อจน” ส่วนพ่อของเพื่อนสนิทเขามีความคิดแบบ “พ่อรวย”

ซึ่งเริ่มต้นด้วยเงินเพียงน้อยนิด แต่สามารถกลายเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดของฮาวายได้! ด้วยการที่เขาได้คลุกคลีกับพ่อทั้งสองท่าน คุณคิโยซากิก็ได้เรียนรู้ว่าคำพูดของพ่อทั้งสอง นั้นแตกต่างกันเราลองมาดูกันว่า ถ้าอยากจะมี Mindset แบบคนรวย ต้องทำอย่างไร แล้วความคิดแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง?

พ่อจนบอกว่า “ฉันซื้อมันไม่ได้หรอก”

พ่อรวยบอกว่า “ฉันจะซื้อมันได้อย่างไร”

ประโยคของพ่อจน นั้นเป็นเพียงประโยคบอกเล่า ที่ชวนให้ท้อถอยเสียเหลือเกิน แค่พูดคำนี้ ส ม อ ง ก็ไม่ทำงานต่อแล้ว ส่วนประโยคของพ่อรวยนั้นเป็นคำถามที่ ก ร ะ ตุ้ น ส ม อ ง ให้คิดหาวิธีสร้างเงินเพื่อมาซื้อสิ่งนั้น ๆ แต่เดี๋ยวก่อน! ขาช้อปอย่าเพิ่งเฮไป

นี่ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะซื้อทุกอย่าง ที่เราปรารถนา แต่ประเด็นอยู่ที่การฝึก ส ม อ ง ให้คิดหาคำตอบเรื่อยๆ ต่างหาก ว่าจะหาทางสร้างเงินอย่างไร ไม่แน่ว่า พอเราได้เงินนั้นมาแล้ว เราอาจจะไม่ได้อยากได้ของชิ้นนั้นแล้วก็ได้

พ่อจนบอกว่า “ฉันทำงานเพื่อเงิน”

พ่อรวยบอกว่า “เงินทำงานให้ฉัน”

ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนธรรมดาอย่างหนึ่ง ก็คือวิธีที่พวกเขาได้รับเงิน คนธรรมดาส่วนใหญ่ก็ทำงานแลกเวลาหาเงินกันไป เงินเดือนออกทีก็ชาบูที วิธีนี้แม้จะการันตีว่าได้เงินแน่นอน แต่ถ้ามัวแต่ทำงานแบบนี้อย่างเดียวโดยไม่หาทางให้เงินงอกเงยทางอื่นเลย

ก็อาจจะทำให้เงินไม่พอในอนาคต และมีความ เ สี่ ย ง หากเกิดกรณีตกงานอีก ในขณะที่คนรวยนั้นส่วนใหญ่ จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำงานแบบมีค่าคอมมิชชั่น หรือเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆหลายคนอาจจะบ่นว่า โห มีเงินแค่นี้ จะให้มันทำอะไรได้ ไม่พอหรอก

ซึ่งเราก็ปฏิเสธ แต่ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องเลือกทางเดียว เราสามารถทำงานไปด้วย และให้เงินทำงานแทนเราไปพร้อม ๆ กันก็ได้ ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือ สร้างธุรกิจเล็ก ๆ ที่พอจะสร้างกำไรให้เราได้

พ่อจนบอกว่า “เรื่องเงินทอง อย่าไป เ สี่ ย ง ”

พ่อรวยบอกว่า “จงเรียนรู้วิธีบริหารความ เ สี่ ย ง ”

มีหลายคนที่กลัวความ เ สี่ ย ง จึงเก็บเงินไว้กับตัวเอง นั่นเพราะพวกเขา อาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ ความ เ สี่ ย ง นั้นสามารถบริหารจัดการกันได้ คนรวยส่วนใหญ่ ลงเล่นเกมการเงินก็เพื่อเอาชนะ ซึ่งพวกเขาต้องมีความกล้าได้กล้าเสียระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถรับความไม่แน่ไม่นอนได้

นั่นหมายความว่า พวกเขาไม่ได้แค่หลับหูหลับตาก้าวเข้าไปสู้รบแบบไม่รู้เรื่องอะไร แบบนั้น อั น ต ร า ย พวกเขาต้องกล้า ที่จะรับความ เ สี่ ย ง แบบชาญฉลาด ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์และความรู้ระดับหนึ่ง ดังนั้น เพื่อที่จะให้ได้ประสบการณ์และความรู้มากขึ้น

เราก็ต้องลอง! ลองผิดลองถูกและเรียนรู้ทุกครั้งเมื่อสำเร็จหรือล้มเหลว สิ่งเหล่านี้ จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้เรา และทำให้เราเข้าใจความ เ สี่ ย ง มากขึ้น

พ่อจนบอกว่า “บ้านของฉันคือสินทรัพย์”

พ่อรวยบอกว่า “บ้านของฉันคือหนี้สิน”

หลายคนยังไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์ และหนี้สิน ให้เราอธิบายง่ายๆ ละกัน สมมติเราตกงานวันนี้ สินทรัพย์คือ สิ่งที่จะยังทำเงินให้เราได้ ส่วนหนี้สินจะดึงเงินออกจากเรา ในกรณีของบ้าน ซึ่งเป็นตัวอย่างข้างต้นนั้น เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง แต่กลับไม่ค่อยเพิ่มมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไปสักเท่าไรนัก

แถมเราอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ย เงินกู้บ้านเรื่อยๆ ด้วย จึงทำให้บ้านกลายเป็นหนี้สินอย่างเห็นได้ชัด แต่ๆๆ ไม่ได้จะบอกว่าไม่ให้ซื้อบ้านนะ ถ้าซื้อด้วยความจำเป็นมันก็โอเค จุดสำคัญคือ เราต้องเข้าใจว่าสินทรัพย์และหนี้สินต่างกันอย่างไร

พ่อจนบอกว่า “เรียนให้หนักเข้าไว้ จะได้ทำงานในบริษัทดีๆ”

พ่อรวยบอกว่า “เรียนให้หนักเข้าไว้ จะได้สามารถเป็นเจ้าของบริษัทดีๆ ได้”

เหล่าคนรวย มักไม่กลัวที่จะคิดการใหญ่ พวกเขาจะตั้งความหวังไว้สูงๆ และคาดหวังว่าจะทำเงินได้เยอะๆ ในขณะที่คนธรรมดาทั่วไป คาดหวังว่าพวกเขาจะต้องลำบาก และไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก

พ่อจนบอกว่า “ฉันไม่มีวันรวยหรอก”

พ่อรวยบอกว่า “ฉันเป็นคนรวย”

แม้ว่าพ่อรวยของคุณคิโยซากิ จะเจอภาวะล้มละลาย เขาก็ยังเรียกตัวเองว่า “คนรวย” โดยเสริมว่า ความแตกต่างระหว่าง การล้มละลายกับความจนก็คือ การล้มละลายน่ะมันแค่ ชั่ ว คราว แต่ความจนน่ะคือตลอดไป”

พ่อจนบอกว่า “ฉันไม่สนใจเรื่องเงินหรอก”

พ่อรวยบอกว่า “เงินคืออำนาจ”

พวกเราส่วนใหญ่ มักถูกสอนให้เรียนดีๆ หางานดีๆ และจงพอใจในชีวิตที่เรามีอยู่เสีย จะว่าเป็นความคิดที่ดีมันก็ดี มันทำให้เราไม่โลภ อยากได้อะไรเกินตัวเกินไป แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อาจจะ ปิ ด กั้ น ศักยภาพบางอย่างของเราที่อาจจะเติบโตได้อีก

ในทางตรงกันข้าม คนรวยจะคิดถึงเรื่องเงิน แบบเป็นขั้นเป็นตอน และมองเงินว่าเป็นเครื่องมือที่มีอำนาจซึ่งสามารถนำมา ซึ่งตัวเลือกและโอกาสต่างๆ ได้ พูดง่ายๆ คือ ไม่ว่าเงินจะถูกมองไม่ดีอย่างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีเงินเยอะๆ ก็ถือเป็นแต้มต่อให้ชีวิตจริงๆ

ขอขอบคุณ f i n n o m e n a

 

 

 

Load More Related Articles
Load More By adminyinde
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

12 อย่าง อย่าคิดโพสต์ลงโซเชียล เพราะอาจทำให้ชีวิตคุณแย่ลง

ทุกวันนี้ เราจะเห็นหลายๆ คน แ ช ร์ เรื่องราวต่างๆลงบน F a c e b o o k ของตนเองเต็มไปหมดเพร…