“มันไม่แฟร์”
โลกนี้มันไม่มีอะไร แฟร์อยู่แล้ว การที่พูดว่ามันไม่แฟร์มันจะทำให้เราดูเหมือนคิดว่าโลกนี้แฟร์ ซึ่งจะทำให้เราดูเหมือนเป็นคนที่อ่อนต่อโลกไม่เข้าใจความเป็นไปของมัน
ถ้าเราไม่อยากให้มันดู แ ย่ เราควรเน้นไปที่ Fact หรือการถามหาเหตุผล ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น มากกว่าการใช้อารมณ์หรือบ่นว่ามันไม่แฟร์เลย
“ทำไป แบบนี้แหละ เดี๋ยวก็เสร็จ”
โลกสมัยนี้เป็นโลกที่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อะไรที่เคยเวิร์กเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องล้าหลังแล้วก็ได้
เพราะฉะนั้น อย่าพยายามพูดว่า “ทำไปแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็เสร็จ”เพราะมันอาจจะมีวิธีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
หรือรวดเร็วกว่า และการพูดแบบนี้จะทำให้คุณดูเหมือนไม่ใส่และดูขี้เกียจเสียเปล่า
“ไม่มีปัญหา”
เมื่อมีคนขอให้คุณช่วยหรือทำอะไรบางอย่าง และคุณบอกว่า “ไม่มีปัญหา” มันกำลังสื่อเป็นนัยว่า
เรื่องที่เขาขอมันอาจเป็นปัญหาของคุณลองใช้คำพูดประมาณว่า ‘ฉันยินดีที่จะทำมัน’ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
“มันอาจจะดู เป็นความคิดที่แปลกหน่อยนะ แต่..”
การพูดแบบนั้น มันเป็นเหมือนการสร้าง Safe Zone ให้ตัวเอง และมันทำให้คุณดูไม่มั่นใจในความคิด และจะทำให้ผู้ฟังไม่มั่นใจ
ในความคิดนั้นไปด้วยอย่าพยายาม วิพากษ์วิจารณ์ความคิดตัวเอง หรือถ้าคุณไม่มั่นใจในข้อมูลนั้นจริงๆ
ลองนำเสนอเรื่องราวนั้นไปก่อน และชี้แนะว่าจะนำข้อมูลมาเพิ่มเติมในภายหลัง
“แปปเดียว เดี๋ยวก็เสร็จ”
มันทำให้รู้สึกว่า งานนั้นจะไม่เสร็จจริงๆ คุณพูดเพียงแค่ขอต่อเวลาเท่านั้น เพราะไม่มีอะไรที่มันจะเสร็จรวดเร็ว
ขนาดนั้นหรอก (ยกเว้นคุณมั่นใจว่ามันจะสามารถเสร็จภายใน 60 วินาทีจริงๆ)
“เจ้านั่น มันขี้เกียจ/ โ ง่ ”
มันไม่มีเหตุผล ที่จะกดเพื่อนร่วมงานให้ต่ำลง เพราะถ้าเขาทำงานไม่มีประสิทธิภาพจริงๆ
คนอื่นก็จะเห็นจุดนั้นอยู่แล้วแต่ถ้ามันไม่ได้เป็นนั้น มันจะทำให้ตัวคุณเองดู แ ย่ ในสายตาคนอื่นแทน
“มันไม่ใช่ความผิดของฉัน”
ถึงคุณจะไม่ได้ผิดจริงๆ แต่พูดแบบนี้ก็นับว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะในสถานการณ์ที่ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครเป็นคนผิด
การกระทำแบบนี้เหมือนปัดความรับผิดชอบและถึงแม้จะไม่ใช่ความผิดคุณ แต่คุณก็ควรที่จะพึ่งพาได้ไม่ใช่หรอ
ถ้าเสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ การเงียบก็ไม่ใช่เรื่อง แ ย่ อะไรถ้าคุณเอาแต่พูดคำนี้ในที่สุด
เพื่อนร่วมงานจะพยายามหลีกเลี่ยงการทำงานกับคุณ และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
“มันไม่อยู่ในขอบเขต การทำงานของฉัน!”
มันสร้างความรู้สึก เหมือนกับว่า คุณพยายามจะทำงานให้น้อยที่สุด เพื่อรับเงินเดือนตามตำแหน่ง ซึ่งมันเป็นสิ่งไม่ดีในระยะยาวเลย
อย่างไรก็ตามถ้าคุณรู้สึกไม่สบายในงานบางประเภทสิ่งที่ดีที่สุดคือตั้งใจทำงานนั้นให้สำเร็จ และค่อยปรึกษาผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับขอบเขต
การทำงานของคุณในภายหลัง เพราะจะเป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างคุณและหัวหน้า
“ฉันทำไม่ได้”
ในหลายครั้งๆ ที่ คนได้ยิน ฉันทำไม่ได้ มันจะให้ความรู้ว่าผู้พูดไม่อยากทำมากกว่า แน่นอนมันสื่อถึงว่า คุณไม่อยากเรียนรู้
ไม่อยากก้าวหน้าเลยด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่สามารถทำงานนั้นได้จริงๆหรือขาดทักษะสำคัญบางประเภท คุณควรจะนำเสนอวิธีที่ดีกว่าไป
ไม่ใช่เอาแต่ปฏิเสธ ไม่ทำ ทำไม่ได้ อาทิ คุณอาจจะพูดไปเลยว่า คุณทำมันกราฟิกไม่ได้ เพราะคุณไม่เคยใช้โปรแกรมที่เกี่ยวข้องเลยเป็นต้น
“ฉัน เ ก ลี ย ด งานนี้”
ประโยคแบบนี้ เป็นประโยคที่ไม่มีใครอยากฟัง ไม่ใช่แค่เฉพาะหัวหน้างาน แต่รวมถึงเพื่อนร่วมงานด้วย คุณอาจจะพูดมันออกไปด้วยอารมณ์
แต่มันก็เหมือนเป็นการแปะฉลาก ตัวคุณไปแล้วว่าคุณไม่อยากทำงาน อีกทั้งมันยัง บั่ น ท อ น จิตใจของผู้อื่น อีกด้วย ที่สำคัญ
การพูดแบบนี้เป็นเหมือนการดับ อนาคตตัวเองไปกลายๆ เลยล่ะครับนับว่าเป็นคำต้องห้ามที่ไม่ควรพูดจริงๆ ถึงแม้คุณจะรู้สึกอย่างนั้นก็ตาม
สุดท้ายนี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ขึ้นอยู่กับกาลเทศะครับ บางประโยคที่นอกเหนือจากนี้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดเช่นกัน ควรพิจารณาให้ดีว่า
สิ่งที่เราพูดมันเกิดประโยชน์ต่อตัวเอง หรือเพื่อนร่วมงานหรือไม่เพราะถ้าพูดไปแล้วมันไม่ได้ประโยชน์อะไร มันก็ไม่มีเหตุผล
ที่จะพูดประโยคเหล่านั้นออกไปเช่นกัน หรือถ้าใครมีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการพูดจาในสถานที่ทำงานก็แนะนำกันมาได้เลย
เผื่อจะได้มีประโยชน์กับท่านๆ อื่นด้วย
ขอขอบคุณ b i t.l y