Home ข้อคิดสอนใจ “จงเลี้ยงลูก แบบคนจน” อยากให้พ่อแม่ได้อ่าน (เขียนไว้ดีมาก)

“จงเลี้ยงลูก แบบคนจน” อยากให้พ่อแม่ได้อ่าน (เขียนไว้ดีมาก)

6 second read
0
948

วันนั้น พาลูกไปร้านเครื่องเขียน ลูกอยากได้กล่องดินสอเลือกแบบสุดหรูแต่ผมให้ซื้อแบบธรรมดาที่ใช้งานได้ดีเหมือนกัน หน้างอขึ้นมาทันที อยากได้ไม้บรรทัด ก็อยากได้แบบวิจิตร พิ ศ ด า ร ผมให้เลือกแค่แบบพื้นฐานที่ใช้งานได้เหมือนมาตรฐานทั่วไป

หน้าก็ยิ่งงอหนักเข้าไปอีกผมไม่ได้ว่าอะไรตั้งใจก่อนนอนคืนนี้ จะชี้แนะลูกด้วยการเล่านิทานเปรียบเปรยให้เข้าใจหลังจาก ได้เป็นพ่อคนแล้ว ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกไม่ให้เหมือนแบบ ที่ชาวเอเชียเขานิยมทำกันที่มักไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ ในหิน ประคบประหงมเกินพอดี

หลายปีผ่านไป ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูกของผมจะลำบาก มากขึ้นทุกวัน จนกระทั้งวันหนึ่งผมได้ อ่าน จดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่ง ที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทยาลัยนานกิงจดหมายจากผู้ใช้นานว่า “พ่อผู้ ข ม ขื่ น”

เขียนถึงลูกเขาที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูกจดหมายฉบับนี้มีคุณค่ามากในสายตาของผม

…ถึงลูกรักของพ่อ…

แม้ลูกจะทำให้พ่อทุกข์ใจเกินบรรยายแต่ ลูกก็ยังเป็นลูกของพ่ออยู่วันยังค่ำ หลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว อาจเป็นเพียงคนเดียวของตระกูล เราในรอบหลาย ชั่ ว อายุคนที่ทำได้สำเร็จหลังจากนั้น พ่อชั ก ไม่แน่ใจว่าตกลงใครเป็นพ่อและใครเป็นลูกกันแน่

พ่อช่วยแบก สัมภาระไปส่งลูกถึงหอพักช่วยกางมุ้ง ปูที่นอนซื้อ กับข้าวกับปลาต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบ ย า สี ฟั น ออกจากหลอดทั้งหลายทั้งปวง ดูเหมือนว่ามัน เป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้ไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณสักคำจากลูกตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกด้วยซ้ำว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่

ที่พ่อผู้ด้อยความสามารถคนนี้มีโอกาสได้รับใช้ลูกทูนหัวที่บัดนี้ได้เป็นนักศึกษาผู้ทรงเกียรติ ไปแล้วปีแรกทั้งปีที่บ้านได้รับจดหมายจากลูกสามฉบับ ข้อความรวมกันแล้ว อาจยาวกว่าข้อความในโทรเลขหนึ่งฉบับสักหน่อยข้อความย่นย่อ ลายมือหวัดอ่านยาก มีแต่คำว่า“เงิน”

นี่ตั้งใจเขียนได้ชัดเจนที่สุดพอขึ้นปีที่สอง จดหมายมาแบบถี่ๆ ล้วนขอเงินเพิ่มลี ล า การเร่งเร้าให้ส่งเงินข้อความที่เรียกร้องความ เห็นใจรับรู้ได้ถึงว่าหากเรียนจบแล้ว ลูกสามารถไปยึดอาชีพเป็นพวกเจ้าหน้าที่เร่งรัด หนี้สินได้เยี่ยมแน่นอนแต่สิ่งที่ทำให้พ่อเ จ็ บ ป ว ดที่สุด

นั้นมาจากการที่ลูก อาจหาญถึงขั้น ปลอมแปลงตัวเลขจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิตของมหาวิทยา ลัยไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้ มา ห ล อ ก ล ว ง เงินทองจากผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้ กำ เ นิ ด เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมาตลอดเพียงเพื่ออยากได้เงินเพิ่มไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์และร้องคาราโอเกะ

คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ เ จ็ บ ป ว ด เมื่อนั้นนอนไม่หลับ จนกลายเป็น โ ร ค ซึ ม เ ศ ร้ าสาเหตุ ก็มาจากลูกคนที่พ่อเลี้ยงดู ด้วยมือจนเติบใหญ่ แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าในร่างของนักศึกษาขอภาวนาในใจว่านอกจากวิชาความรู้ต่างๆที่ลูกจะเรียนรู้จากสถาบันการศึกษา

แล้วลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจให้เป็นคนซื่อสัตย์และกตัญญูรู้คุณด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดหลังจาก ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วผมรู้สึกว่าผมยังต้องเดินหน้าทำตามนโยบาย ในการดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบากในสังคมของเรา

มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนสมัยเรียนที่ย้ายไปออสเตรเลียกลับมาเยี่ยมบ้าน มีโอกาสได้นั่งคุยกัน เขาเล่าว่าคนออสเตรเลียนอกจากเชื่อถือในพระเจ้าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น ก็คือวิธีการเลี้ยงลูกแบบ “จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน”

พวกเขาเชื่อว่า เด็กที่เติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลปกป้ อ งมากไปของพ่อแม่ เมื่อโตแล้วจะไม่มีปัญญาที่สามารถยืน อยู่บนลำแข้งตัวเอง และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่นแม้กระทั่งพ่อแม่ตนก็ตามวันถัดมาเรามีโอกาสออกไปทำธุระด้วยกัน เจอฝนระหว่างทาง

เขาเห็นเด็กน้อยถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวมอย่างหนากลมไปหมดทั้งตัวจนดูคล้าย“ลูกบอลยัดนุ่น” เขาบอกว่า “เด็กควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย” เขาเล่าว่าใน ออสเตรเลีย แม้หน้าหนาวก็จะไม่เห็นเด็กที่ถูกห่อแบบ “ลูกบอลยัดนุ่น” เหมือนที่เห็นหรือในวันแดดจ้า

แม้เด็กจะนั่งอยู่ในรถเข็นเด็ก แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็งไม่ยอมดึงที่บังแดดออกมากันแดดให้ลูก เด็กที่วิ่งเล่นแล้วหกล้มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆ ให้ลูกลุกขึ้นมาด้วยตัวเขาเองต่างๆนาๆล้วนพยายามให้ลูกฝึกช่วยตัวเองและอดทนให้มากที่สุดธรรมเนียมของครอบครัวชาวเอเชียอย่างพวกเรา

หลักการที่ยึดติดมานานกับนโยบายที่ว่า “จะยากจนแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก”สงสัยจะถึงเวลาต้องทบทวน กันใหม่ได้แล้วการเลี้ยงลูกของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ตอนลูกยังเล็กและอ่อนแอบางชนิดอมลูกไว้ในปากบางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก กลัวลูกๆจะไม่ปลอดภัย

แต่พอลูกเริ่มโตได้ที่แล้ว พวกเขาจะไล่ลูกออกไปอย่างไร้เยื่อใยให้ลูกไปเผชิญกับโลกภายนอกเอง ไปฝึกวิทยายุทธเอง ไปเผชิญปัญหาและมรสุม ทุกรูปแบบแล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน เห็นหรือยังว่าแม้แต่สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า “โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา ก็คือการ ฆ่ า ลูกแบบ เ ลื อ ด เย็น”

“จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน” ด้วยวิธีนี้จะบังคับให้ลูกๆทั้งหลายรู้จักยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณ คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม ถึงแม้คุณจะห่วงด้วยวิธีปกป้ อ ง หรือโอ๋ลูกขนาดไหนก็ตามคุณคงไม่มีปัญญาตามไปวุ่นวาย

หรือดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขาเพราะตอนนั้นคงได้เวลาที่คุณจะได้หลับยาวไปแล้วและสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการเลี้ยงลูกคือ เราต้อง “รวย” และ “จน” ไปพร้อมๆกันรวยเวลา ในการดูแลลูก ให้เวลากับลูกมากๆรวยจิดใจ เปิดใจให้กว้าง รับฟังเขาให้มาก รวยคุณธรรม

ปลูกฝังจิตสำนึกต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และ ต่อสังคม จนเงินทองลูกอยากได้อะไรอย่า ซื้อให้ในทันที ต้องขัดใจบ้าง ให้ลูกได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่า งในโลกไม่สามารถได้ดั่งใจลูกได้จนคำพูด อย่า พูดพร่ำเพื่อ อย่า ด่าลูกด้วยคำหยาบค าย ตำห นิ ลูกด้วยเหตุผลมากกว่าอารม ประหยัดคำพูดอย่าพูดทุกคำที่คิด

แต่ให้คิดทุกคนำที่จะพูดจนการกระทำ เด็กมันทำตามผู้ใหญ่เสมอ การกระทำไหนที่ไม่ดี อย่าแสดงออก ให้เด็กเห็น โดยเฉพาะ พ่อ แม่ สังเกตุง่ายๆ ที่บ้านไหนพ่อดื่ ม เ ห ล้ า สู บ บุ ห รี่ เด็กเหล่านี้ส่วนมากเมื่อโตขึ้น
มาก็มักจะ ดื่ ม เ ห ล้ า สู บ บุ ห รี่ ด้วย

(ที่หนักสุดคือ ผมเคยเห็นพ่อกำลังสอนลูกว่าบุ ห รี่ มันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในมือของตัวเองกำลังคีบบุ ห รี่ อยู่ )จนฐานะ ให้ลูกตระหนักรู้เสมอว่าพ่อแม่ ไม่ได้มีพร้อมไปทุกอย่างอยากได้อะไรต้องแสวงหาเองลูกจะเรียนรู้การทำงานหนักความขยัน และ ความรับผิดชอบ

ขอขอบคุณ J u n j a o n e w s

Load More Related Articles
Load More By adminyinde
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

12 อย่าง อย่าคิดโพสต์ลงโซเชียล เพราะอาจทำให้ชีวิตคุณแย่ลง

ทุกวันนี้ เราจะเห็นหลายๆ คน แ ช ร์ เรื่องราวต่างๆลงบน F a c e b o o k ของตนเองเต็มไปหมดเพร…